การรักษาด้วยการฝังแร่อนุภาคคืออะไร?
การรักษาด้วยการฝังแร่อนุภาค หรือที่รู้จักกันในชื่อ "มีดอนุภาค" คือวิธีการรักษาแบบบาดแผลเล็กที่การแพทย์ในปัจจุบันให้การยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเข้ามาแก้ไขข้อบกพร่องของการผ่าตัดและการฉายแสงภายนอกได้ การรักษาขั้นแรกจะขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้องอกของผู้ป่วย, ขนาดของเนื้องอกและตำแหน่งเนื้องอกเพื่อนำมาใช้คำนวณพลังงานรังสีที่เหมาะสมและเลือกปริมาณอนุภาคที่นำมาใช้ในการฝัง จากนั้นจะทำการฝังแร่ไอโอดีน I125 ลงไปในเนื้องอกหรือบริเวณเนื้อเยื่อที่มีเซลล์มะเร็งอยู่ รังสีแกมมาจะถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องและทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้เกิดการฉายรังสีจากภายในตรงบริเวณเนื้องอกอย่างแม่นยำและได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับการผ่าตัด
ขั้นตอนการฝังแร่อนุภาค:
1. ยืนยันจำนวนอนุภาคและตำแหน่งฝังอนุภาค
2. ฉีดยาชาเฉพาะจุดและระบุตำแหน่งมะเร็งผ่านเครื่องฉายภาพ
3. ฝังแร่อนุภาคลงไปในก้อนมะเร็งในตำแหน่งที่กำหนดอย่างแม่นยำ
4. อนุภาคที่ถูกฝังอยู่ในก้อนมะเร็งจะค่อยๆ ปล่อยรังสีแกมมาออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำลายสาย DNA ของเซลล์มะเร็งทำให้เซลล์มะเร็งหดเล็กลงและตายไป
ผู้ที่เหมาะกับการฝังแร่อนุภาค:
1. ผู้ป่วยมะเร็งที่ยังไม่เคยได้เข้ารับการรักษาใดๆ
2. ผู้ป่วยที่ปฏิเสธหรือไม่เหมาะกับการผ่าตัด
3. ผู้ป่วยที่ฉายแสงภายนอกไม่ได้ผลหรือผู้ที่ไม่สามารถฉายแสงภายนอกได้
4. สำหรับผู้ที่การฉายแสงภายนอกความเข้มข้นไม่เพียงพอหรือต้องการทำการฉายแสงเฉพาะจุดเพิ่มเติม
5. ผู้ป่วยที่มีก้อนมะเร็งตกค้างหลังผ่าตัดหรือบริเวณผ่าอยู่ใกล้ชิดกับก้อนมะเร็งมากเกินไป (<0.5cm)
6. ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กลับมาเป็นซ้ำหลังผ่าตัดที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้อีก
7. ผู้ป่วยที่มีรอยโรคเนื้องอกระยะลุกลามหรือการแพร่กระจายของเนื้องอกหลังการผ่าตัดที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
8. ผู้ป่วยที่ต้องการป้องกันการเกิดของมะเร็ง และเพิ่มประสิทธิภาพการรักษามะเร็ง
การฝังแร่อนุภาคเหมาะสมกับ:
มะเร็งปอด, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับ, มะเร็งจมูก, มะเร็งลิ้น, มะเร็งต่อมน้ำลาย, มะเร็งต่อมไทรอยด์, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและอื่นๆ
การรักษาแบบฝังแร่อนุภาคแบบใหม่ vs การฉายแสงแบบดั้งเดิม:
ความปลอดภัย |
ปลอดภัยสูง |
มีความเสี่ยงสูง |
ความเสียหาย |
บาดแผลเล็กระดับมิลลิเมตร
แร่ถูกฝังในก้อนมะเร็งเท่านั้นเพื่อลดการกระจายของรังสีกระทบเนื้อเยื่อปกติโดยรอบ
มีผลข้างเคียงน้อยและโรคแทรกซ้อนต่ำ |
เมื่อฉายแสงรังสีเข้าไปที่เนื้อเยื่อของเนื้องอกอาจจะส่งผลกระทบไปยังเนื้อเยื่อปกติรอบข้าง
ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ และยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้าย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
ท้องเสีย เบื่ออาหารเป็นต้น |
ปริมาณการฉายรังสี |
การฝังอนุภาคไอโอดีน 125I รัศมีน้อย
แต่ทำงานต่อเนื่องมุ่งเป้าไปยังเนื้องอกโดยตรง มีการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำ
ปริมาณรังสีเข้มข้น มากกว่าการฉายรังสีภายนอก 2-3 เท่า |
การฉายรังสีแบบเดิมมีรัศมีของอนุภาคกว้าง
พลังงานรังสีสามารถผ่านผิวหนังจากภายนอกเข้าถึงร่างกายได้
ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก อนุภาคที่เข้าถึงเนื้องอกมีปริมาณน้อย |
เวลาในการรักษา |
การฝังอนุภาคไอโอดีน 125I 1ครั้งทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน6เดือน ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลบ่อย |
โดยปกติแล้วการฉายรังสีจะฉาย5ครั้งต่อ1สัปดาห์
การรักษา1ครั้งใช้เวลาถึง 1-2 เดือน |
ผลการรักษา |
แร่อนุภาคไอโอดีนทำงานนานยาวถึง 6 เดือน อนุภาคทำลายเซลล์มะเร็งอย่างต่อเนื่อง
และมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง |
การฉายแสงจากภายนอก
สามารถรักษาเซลล์มะเร็งได้เพียงบางส่วนเท่านั้น |
ข้อดีของการรักษาด้วยการฝังแร่อนุภาค:
1.มีความแม่นยำสูง
ด้วยการออกแบบที่แม่นยำของระบบการวางแผนการฝังแร่อนุภาค ตำแหน่ง ปริมาณ และเส้นทางการฝังของแร่อนุภาคที่ฝังจึงได้รับการออกแบบอย่างถูกต้อง
2.ผลการรักษาเห็นได้ชัด
อนุภาครังสีมุ่งไปที่เนื้องอก ฆ่าเนื้องอกได้อย่างตรงเป้าหมาย มีประสิทธิภาพและให้ผลดี
3.ทำงานอย่างต่อเนื่อง
การฉายรังสีต่อเนื่องโดยมีระยะเวลาการฉายรังสีนานถึง 180 วัน ฉายรังสีเซลล์มะเร็งอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพสำหรับเซลล์มะเร็งในรอบการพัฒนาที่แตกต่างกัน
รัศมีการฉายรังสีสั้น อยู่ในระหว่าง 5 มม. ถึง 50 มม. ซึ่งช่วยให้การรักษาด้วยรังสีโดยให้ปริมาณรังสีที่ฉายไปยังเนื้อเยื่อปกติน้อยลง ความเสียหายน้อยลง และผลข้างเคียงน้อยลง
5.มีความปลอดภัยสูง
ฉายรังสีในบริเวณที่มีเนื้องอกเท่านั้น ปริมาณรังสีต่ำจะไม่ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง ปริมาณรังสีจะต่ำกว่าตามที่มาตรฐานกำหนด
เจาะเข็มผ่านผิวหนัง ไม่มีการผ่าตัด บาดแผลเล็กมาก
7.มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อ
อนุภาคไอโอดีน 125 อนุภาคบรรจุอยู่ในเปลือกโลหะผสมไทเทเนียมซึ่งมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ จะไม่ทำให้เกิดการปฏิเสธ และจะไม่ทำให้เกิดการรั่วไหลของรังสีหรือมลภาวะ
การรักษาด้วยการฝังแร่อนุภาคไม่ส่งผลต่อการรักษาแบบอื่น ๆ หากผสมผสานกับการรักษาอื่น ๆ ผลที่ได้จะดีกว่า
การฝังเมล็ดทำได้หลายครั้งหากการฝังเมล็ดของผู้ป่วยยังไม่เพียงพอก็สามารถเสริมได้โดยตรง
การรักษาด้วยการฝังแร่อนุภาคส่วนใหญ่ใช้สำหรับรักษาเนื้องอกที่เป็นก้อน
ข้อควรระวัง:
รัศมีของรังสีอนุภาค 125I คือ 1.7 ซม. ความเสียหายจากรังสีที่เกิดกับแพทย์และผู้ป่วยนั้นต่ำกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้เป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของรังสี
ผู้ป่วยควรพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับสตรีมีครรภ์หรือเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ภายใน 2 เดือนหลังการปลูกถ่าย หลังจาก 2 เดือนรังสีจะค่อยๆ อ่อนลง และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เปลือกของอนุภาคกัมมันตภาพรังสีทำจากโลหะผสมไทเทเนียม โลหะผสมไทเทเนียมไม่ได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็ก ดังนั้น หลังจากฝังอนุภาคกัมมันตภาพรังสีในร่างกายแล้ว CT, MRI, X-ray, อัลตราซาวนด์ และการตรวจอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ตามปกติ
ติดตามข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้ดีๆจากเราได้ที่
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
*หมายเหตุ : ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
*ประกาศ : การผ่าตัดจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีต่อมะเร็งระยะแรก ที่เป็นมะเร็งชนิดเป็นก้อน (Solid Tumor) แต่อาจจะไม่เหมาะในการใช้กับมะเร็งระยะสุดท้าย สำหรับผู้ป่วยระยะกลาง ไปจนถึงระยะสุดท้ายที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก บูรณาการร่วมกับการคีโมและการฉายแสง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น