มะเร็งท่อน้ำดีหมายถึงเนื้องอกร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณท่อน้ำดีนอกตับ รวมถึงบริเวณขั้วตับถึงส่วนปลายล่างของท่อน้ำดีใหญ่ ระดับความร้ายแรงของมะเร็งท่อน้ำดีนั้นสูงมาก ผู้ป่วยประมาณครึ่งหนึ่งจะปรากฏอาการปวดหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณท้องด้านขวาบน เกิดอาการดีซ่าน คันตามผิวหนัง เป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเตือนว่า อาการเหล่านี้เป็นอาการเตือนล่วงหน้าของมะเร็งท่อน้ำดีในระยะแรก ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

　　อาการที่พบได้บ่อยของมะเร็งท่อน้ำดีมีอะไรบ้าง

　　ดีซ่าน

　　อาการเฉพาะในระยะแรกของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีจะไม่ชัดเจน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไปพบแพทย์เมื่อมีอาการดีซ่าน ดีซ่านเป็นอาการแรกสุดและยังเป็นอาการที่สำคัญที่สุดของมะเร็งท่อน้ำดีอีกด้วย ผู้ป่วยประมาณ 90% - 98% ผิวหนังและลูกตาจะเหลืองในระดับที่แตกต่างกัน ลักษณะเด่นของดีซ่านคือจะเป็นหนักขึ้น มากขึ้น อีกทั้งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการปวด ผู้ป่วยที่เป็นดีซ่านจำนวนไม่มากที่จะปรากฏลักษณะผันผวน มะเร็งท่อน้ำดีส่วนต้นจะปรากฏอาการดีซ่านค่อนข้างเร็ว มะเร็งท่อน้ำดีส่วนกลางและส่วนปลายเนื่องจากมีถุงน้ำดีเป็นกันชน อาการดีซ่านอาจจะปรากฏค่อนข้างช้า ผู้ป่วยที่มีอาการนี้สามารถรับการตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อวินิจฉัยอาการให้แน่ชัด

　　ปวดเอว

　　ผู้ป่วยประมาณครึ่งหนึ่งจะมีอาการปวดบวมหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณท้องด้านขวาบน น้ำหนักลดลง ไม่อยากอาหาร เป็นต้น อาการเหล่านี้มักถูกมองเป็นอาการเตือนล่วงหน้าของมะเร็งท่อน้ำดีระยะแรก จากการสังเกตทางคลีนิก เมื่อเป็นมะเร็งท่อน้ำดีได้เพียง 3 เดือน ก็จะมีอาการปวดท้อง

　　คันที่ผิวหนัง

　　การคันที่ผิวหนัง เกิดขึ้นเนื่องจากปริมาณบิลิรูบิน ( bilirubin ) ที่มีอยู่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และเกิดการกระตุ้นบริเวณปลายประสาทผิวหนัง สามารถเกิดขึ้นก่อนหรือหลังอาการดีซ่าน และอาจเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น หัวใจเต้นเร็ว เลือดออก จิตใจหดหู่ อ่อนเพลีย ท้องอืด เป็นต้น

　　มีไข้

　　ผู้ป่วยบางคนจะมีอาการไข้ขึ้น เนื่องจากภายในท่อน้ำดีเกิดการอักเสบ แต่อัตราการเกิดค่อนข้างต่ำ

　　อาการอื่นๆ

　　ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีนอกจากจะมีอาการดีซ่าน ปวดท้อง เป็นต้น ยังสามารถมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผอมลง ปัสสาวะเป็นสีเหลืองแก่เหมือนซีอิ้วหรือชาเข้ม สีอุจจาระเป็นสีเหลืองอ่อน กระทั่งเป็นสีดินที่ใช้ทำเครื่องปั้น เมื่อถึงระยะสุดท้ายจะปรากฏทางเดินน้ำดีมีเลือดออก อุจจาระเป็นสีดำ ผลการตรวจเลือดในอุจจาระเป็นผลบวก หรืออาจจะเกิดภาวะโลหิตจาง เป็นต้น เมื่อมีการลุกลามไปที่ตับก็จะพบอาการตับบวมโต ตับแข็ง ซึ่งในช่วงเวลานี้ แนะนำให้ผู้ป่วยทำการตรวจ CT SCAN เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการหนักมากขึ้น

　　ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเตือนว่า : หากพบอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด