โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มีอันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก ในปัจจุบันนี้ มีเทคนิคสำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่ การผ่าตัด เทคนิคแบบการใช้เคมี และเทคโนโลยีแบบเซลล์ภูมิคุ้มกันเป็นต้น เทคนิคดังกล่าว สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ลดลงผลกระทบที่ได้รับจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกาย และพ้นจากความวุ่นวายของโรคให้เร็วยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีสำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบตั้งเดิม
๑. การผ่าตัด
วิธีการสำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่เน้นย้ำวิธีการผ่าตัด และวิธีให้เคมีหรือรังสีก่อนการผ่าตัดก็เป็นวิธีการสำคัญ ซึ่งสามารถมีส่วนช่วยในการตัดเนื้องอกให้เรียบร้อยที่สุด ลดอัตราการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด และยกอัตราการเกิดมีชีวิตสูงขึ้น
๒. วิธีแบบการให้เคมี
เกือบ 50% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งมีอาการลามและฟื้นตัวเนื้องอกใหม่หลังการผ่าตัด ฉะนั้น ผู้ป่วยโรคในระยะสุดท้าย และผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด ล้วนก็ต้องมีการใช้เคมีต่อไป ยกเว้นพวกผู้ป่วยที่ยังอยู่ในระยะแรก มะเร็งลำไส้ใหญ่วิธีแบบเคมี เป็นวิธีการสำคัญอีกวิธีหนึ่งหลังการดำเนินศัลยกรรม
๒.๑ วิธีการฉีดเคมีแบบรวมผ่านทางหลอดเลือดดำ
แผนการแบบเคมี มักจะถือ 5-FU เป็นหลัก พร้อมใช้กรดเตตระไฮโดรโฟลิค (tetrahydrofolic acid) เป็นสารควบคุม ซึ่งมีผลเพิ่มประสิทธิภาพที่ได้รับจากสาร 5-FU
๒.๒ เทคโนโลยีแบบเคมีด้วยการรับประทาน
วิธีแบบเคมีด้วยการรับประทาน มีตัวยาสำคัญคือ ยากลุ่มfluoropyrimidine หลังจากยาตัวนี้ได้เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเป็น 5-fluoropyrimidine และเกิดผลลบต่อมะเร็ง เทคนิคแบบเคมีด้วยการรับประทาน มีข้อดี ได้แก่ ผลลัพธ์ดี ผลซับซ้อนน้อย และมีความสะดวกในการให้ยา เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งมีอายุสูง และแบบที่บ้าน(ทานยาที่บ้าน) นอกจากนี้ เทคนิคแบบเคมีด้วยการรับประทาน ยังกลายเป็นแนวโน้มใหม่อีกแนวหนึ่งในวงการผ่าตัดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
เทคโนโลยีใหม่สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ —— วิธีการแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน
ภายใต้กระแสการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทยศาสตร์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มีข้อเลือกทางวิธีการมากยิ่งขึ้น วิธีแบบเซลล์ภูมิคุ้มกันเป็นวิธีการที่ทันสมัย และสามารถลดลงความเสียหายทางสุขภาพของผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ วิธีแบบเซลล์ภูมิคุ้มกันยังเป็นผลงานดีเด่นในวงการแพทยศาสตร์ มีผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กวางโจวชี้เห็นว่า วิธีแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน เป็นวิธีที่ถือระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เป็นพื้นฐาน และเซลล์ภูมิคุ้มกันที่นำมา สามารถบ่งชี้และให้ผลลบต่อเซลล์มะเร็งเป็นอย่างดี เซลล์ภูมิคุ้มกันพวกนี้ เป็นเหตุผลสำคัญที่เกิดผลลัพธ์ ซึ่งอธิบายได้อีกว่า “เป็นวิธีที่นำเซลล์ของผู้ป่วย มาใช้ในโรคที่ตัวเองเป็น”
เนื่องจากในสภาพเซลล์เนื้องอกได้เพิ่มขึ้นในร่างกายอย่างต่อเนื่อง และเกิดผลลบต่อการเติบโตของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ฉะนั้น วิธีการแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน เป็นวิธีโดยเพาะเลี้ยงเซลล์ภูมิคุ้มกันนอกร่างกาย แล้วนำกลับเข้ามาใช้ในร่างกายใหม่ เพื่อทำให้เซลล์มะเร็งในร่างกายอย่างเป็นระบบ และป้องกันอาการลามของเนื้องอก
เนื่องจากวิธีแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน เป็นวิธีแบบรอบตัว ไม่มีผลแทรกซ้อนที่ชัดเจนต่อร่างกาย และไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดในการผ่าตัด ฉะนั้น ในสมัยปัจจุบัน เทคนิคแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน เป็นวิธีแบบเสริมที่มีความปลอดภัยสูง และมีผลประสิทธิภาพสูงที่สุด
ข้อได้เปรียบของเทคนิคแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน
วิธีแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน เป็นวิธีที่กลั่นเซลล์ DC-CIK ออกมาจากผู้ป่วย แล้วเพาะเลี้ยงนอกร่างกาย และนำเซลล์กลับเข้าไปใช้ในร่างกายใหม่ สามารถปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถทำให้เซลล์มะเร็งในร่างกายของผู้ป่วยเสียหาย นอกจากนี้ เซลล์ CIK เป็นเซลล์ที่สามารถต่อต้านเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย และเป็นปัจจัยสำคัญที่บรรลุเป้าหมายในการผ่าตัดด้วย
ข้อได้เปรียบของเทคนิคแบบเซลล์ภูมิคุ้มกันมีสองข้อ ดังนี้
ข้อแรกคือ วิธีนี้ไม่ได้เป็นวิธีเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่เป็นวิธีแบบรอบตัว และมีผลปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันเป็นอย่างดี
ข้อรองลงมา คือ เซลล์ CIK ที่นำมาใช้ในการนี้ สามารถทำให้เซลล์มะเร็งในร่างกายเสียหาย และมีผลป้องกันอาการเนื้องอกลามและเป็นซ้ำอีกด้วย
ติดตามข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้ดีๆจากเราได้ที่
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
*หมายเหตุ : ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
*ประกาศ : การผ่าตัดจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีต่อมะเร็งระยะแรก ที่เป็นมะเร็งชนิดเป็นก้อน (Solid Tumor) แต่อาจจะไม่เหมาะในการใช้กับมะเร็งระยะสุดท้าย สำหรับผู้ป่วยระยะกลาง ไปจนถึงระยะสุดท้ายที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก บูรณาการร่วมกับการคีโมและการฉายแสง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น