โรคมะเร็งผิวหนังเป็นโรคมะเร็งร้ายที่เกิดบริเวณผิวหนัง เซลล์ที่พบมากที่สุดคือเซลล์มะเร็ง squamousและเซลล์มะเร็งแรกเริ่ม โรคมะเร็งผิวหนังได้ง่าย บริเวณส่วนสัมผัสต่างๆของร่างกาย สาเหตุที่นำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังนอกจาก X-ray และการแผ่รังสีความร้อน แสงแดดแล้วยังมีสาเหตุจาก สารหนูปิโตรเลียม ยางมะตอย น้ำมันดิบรวมถึงสารเคมีอื่น ๆ ที่มีสารก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นคนควรหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หากเป็นเช่นนี้แล้วมีวิธีการดูแลกี่ประเภท?
การดูแลโรคมะเร็งผิวหนังที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อวิทยาเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางกายภาพของผู้ป่วย เช่น อายุ เพศ สุขภาพร่างกายโดยรวม ก่อนทำการผ่าตัดควรให้ความสำคัญในการวิเคราะห์ทางกายภาพวิทยาเพื่อหลีกเลี่ยงการกำเริบของโรค บางบริเวณสามารถประสบผลสำเร็จในการวางแผนและการคาดหวังเช่นรอบดวงตา รอบจมูก รอบบริเวณหู ที่มีอัตราการเกิดซ้ำสูงก็เป็นสิ่งจำเป็นในการเลือกการดูแลที่สูงกว่า การทำการผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมต้องคำนึงถึงรอยแผลหลังจากทำศัลยกรรม ประสิทธิภาพหลังการตัดออก
ควรพิจารณาสุขภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนัง หากมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดหรือได้รับสารป้องกันเลือดแข็งตัว ควรเลือกวิธีการดูแลที่ไม่มีการสูญเสียเลือด เช่นการดูแลด้วยเทคนิคมีดความเย็น ฝังแร่ไอโอดีนกัมมันตรังสี การปลุกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ผู้สูงอายุที่มีร่างกายอ่อนแอ ผู้หญิงที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังซึ่งผ่านการฉายรังสีเป็นเวลานาน บางครั้งทนไม่ไหว สามารถเลือกการดูแลตรงจุดด้วยการผสมผสานการแพทย์แผนจีนโบราณและแพทย์ตะวันตก
การดูแลโรคมะเร็งผิวหนัง
1.การดูแลด้วยเทคนิคมีดความเย็น
การดูแลด้วยเทคนิคมีดความเย็นเป็นวิธีที่ใช้“ความเย็น+ความร้อน”นำเนื้องอกออก เมื่อหัวเข็มปล่อยแอร์อาร์กอนอย่างรวดเร็วทำให้อุณหภูมิเนื้อเยื่อของก้อนมะเร็งติดลบ120 ℃ ~ 165 ℃ภายในสิบวินาทีก้อนเนื้อกลายเป็นลูกน้ำแข็ง เนื้อเยื่อที่อยู่ในก้อนน้ำแข็ง“หนาวและหิว” นอกจากนั้นแล้วยังขาดเลือดกับออกซิเจนทำให้เกิดสภาวะ“หิวตาย”สภาพอากาศอยู่ที่ลบ165 ℃ทำให้ เซลล์มะเร็งจะแข็งตัวตายไป หลังจากนั้นหัวเข็มจะปล่อยแอร์เฮเลียมออกมาอย่างรวดเร็วอุณหภูมิของก้อนมะเร็งจะสูงถึง20℃~40℃ ทำให้เซลล์มะเร็งแตกตายในทีสุดและเนื้องอกมะเร็งก็จะค่อยๆเล็กไป นอกจากสามารถทำให้เนื้อเยื่อมะเร็งตายแล้วยังสามารถหยุดการทำลายเนื้อเยื่อที่ปกติได้เช่นกัน
2.การดูแลด้วยเทคนิคฝังแร่ไอโอดีนกัมมันตรังสี
มะเร็งเซลล์แรกเริ่มและเซลล์มะเร็ง squamous มีความไวต่อรังสีมาก ควรให้ความมั่นใจก่อนทำการฉายรังสี ควรพิจารณาอายุของผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนัง เพศ ประวัติโรคมะเร็ง วิเคราะห์ทางกายภาพ การดูแลและกำเริบของโรค หลังจากนั้นจึงจะสามารถทำให้การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ แร่ไอโอดีน125กัมมันตรังสีเป็นธาตุพลังงานนิวเคลียร์ชนิดหนึ่ง สามารถแสดงผลอย่างต่อเนื่อง ระยะทางสั้น ๆ จากรังสีγเพื่อทำใ์ห้เซลล์มะเร็งตายไป คุณสมบัติในการดูแลด้วยรังสีภายในเนื้องอก ทำให้มีคุณบัติเช่นเดียวกันกับการผ่าตัด
3.การดูแลด้วยเทคนิคการปลุกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
การดูแลด้วยการปลุกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด เป็นการดูแลที่ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังรับภูมิคุ้มกันเพื่อการป้องกันตนจากเซลล์มะเร็ง สามารถทำร้ายมะเร็งได้โดยตรงหรือมีปฏิกิริยาจากภูมิคุ้มกันในการป้องกันตนจากมะเร็ง ความหมายโดยตรงของการดูแลด้วยการปลุกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด คือ การดูแลแบบกรีน มีปฏิกิริยากับเลือดเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่ในต่อมน้ำเหลืองและเซลล์พักตัว นอกจากนี้ยังสามารถทำลายเซลล์เนื้องอก ยั้บยั้งการเกิดซ้ำของเนื้องอกและการแพร่กระจาย มีข้อดีที่ไม่สามารถแทนที่ได้โดยสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพในการผ่าตัด ลดผลกระทบจากรังสีทำให้มึความหวังในการผ่าตัด
4.การดูแลด้วยเทคนิคเฉพาะจุดด้วยการผสมผสานการแพทย์แผนจีนโบราณและแพทย์ตะวันตก
ผลดีจากการผสมผสานการแพทย์แผนจีนโบราณและแพทย์ตะวันตกร่วมป้องกันตนจากมะเร็ง เสริมประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าการดูแลด้วยด้านใดด้านเดียว ซึ่งผ่านการดูแลเฉพาะจุดที่บุกรุกน้อยโดยเทคโนโลยีที่มีเสถียรภาพ แม่นยำ ที่สามารถลดมะเร็ง สามารถลดขอบเขตนื่องจากการดูแลที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ในขณะเดียวกัน การรวมกันของการแพทย์แผนจีนโบราณสามารถปรับความสมดุลและประคับประคองในการต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย และเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย
ติดตามข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้ดีๆจากเราได้ที่
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
*หมายเหตุ : ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
*ประกาศ : การผ่าตัดจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีต่อมะเร็งระยะแรก ที่เป็นมะเร็งชนิดเป็นก้อน (Solid Tumor) แต่อาจจะไม่เหมาะในการใช้กับมะเร็งระยะสุดท้าย สำหรับผู้ป่วยระยะกลาง ไปจนถึงระยะสุดท้ายที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก บูรณาการร่วมกับการคีโมและการฉายแสง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น