- ข่าวสารโรคมะเร็ง
- ■ อาการของโรคมะเร็งตับอ่อน
- ■ การตรวจวินิจฉัยมะเร็งตับอ่อน
- ■ ขั้นตอนทางการแพทย์สำหรับมะเร็งตับอ่อน
- ■ ระยะของมะเร็งตับอ่อน
- ■ ผลการรายงานโรคมะเร็งตับอ่อน
- ■ เรื่องราวของผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อน
มะเร็งตับอ่อนในระยะแรกนั้นการวินิจฉัยโรคเป็นไปได้ยาก โดย 75%ขึ้นไปของผู้ป่วยที่ถูกตรวจพบจะเป็นระยะสุดท้าย น้อยกว่า 30% ของกรณีที่สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดและอัตราการรอดชีวิตมีเพียง 10% ถ้าอย่างนั้นพอจะมีความหวังในการรักษาโรคมะเร็งตับอ่อนที่เป็นอันตรายหรือไม่?การรักษาแบบบูรณาการบาดแผลเล็กนั้นมีผลข้างเคียงในการรักษาต่ำ มีการบาดเจ็บเล็กน้อย มีประสิทธิภาพ ฟื้นตัวเร็ว ช่วยให้ผ็ที่ป่วยด้วยมะเร็งตับอ่อนหลีกเลี่ยงบาดแผลขนาดใหญ่จากการผ่าตัดและหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดทรมานจากการให้ยาคีโมแบบดั้งเดิม
< หากท่านตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน เรายินดีช่วยเหลือ สามารถนัดออนไลน์หรือโทรนัดเพื่อติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์: 0610367888 0907099666
ประเภทของมะเร็งตับอ่อน
หากแบ่งตามบริเวณที่เซลล์มะเร็งมีการเกิดขึ้น สามารถแบ่งได้เป็นส่วนหัวของตับอ่อน ส่วนเนื้อตับของตับอ่อน และทั่วทั้งตับอ่อน
หากแบ่งตามลักษณะทางจุลพยาธิวิทยาของมะเร็งตับอ่อนสามารถแบ่งออกเป็นมะเร็งท่อตับอ่อนและมะเร็งตับอ่อนชนิดพิเศษ (adenocarcinoma, mucinous neoplasm, signet- ring cell carcinoma, small cell)
ทำความเข้าใจผลพยาธิวิทยาของโรคมะเร็งตับอ่อน
มะเร็งตับอ่อนชนิด well differentiated และ poor differentiated คืออะไร
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลพยาธิวิทยาของโรคมะเร็งตับอ่อน สอบถามออนไลน์หรือโทรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที: 0610367888 0907099666 พวกเรายินดีตอบข้อสงสัยของท่านทุกประการ!
ระยะของมะเร็งตับอ่อนตลอดจนอัตรารอดชีวิตสูงสุด 5 ปีมีดังนี้ :
มะเร็งตับอ่อนระยะที่ 1 : 12%-14%
มะเร็งตับอ่อนระยะที่ 2 : 5%-7%
วิธีการรักษามะเร็งตับอ่อน
ความเจ็บปวดของเทคนิคการรักษาแบบดั้งเดิม
การผ่าตัด : การผ่าตัดถือเป็นอีกหนึ่งการรักษามะเร็งในแบบเก่าที่บาดแผลจากการผ่าตัดมีขนาดใหญ่,มีความเสี่ยงสูง ผลการรักษามีประสิทธิภาพต่ำและง่ายต่อการกลับมาเป็นซ้ำ
การให้คีโม :ผลข้างเคียงสูง เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ เป็นต้น
เทคนิคการรักษามะเร็งตับอ่อนแบบใหม่ มีผลทำให้อัตรารอดชีวิตเพิ่มสูงขึ้น
เทคนิคบาดแผลเล็ก : ปากแผลเพียง 2-3 มม. ผลข้างเคียงน้อย เจ็บน้อย
เทคนิคมีดนาโน : จะ"เจาะเซลล์มะเร็ง" ด้วยแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ที่มีแรงดันสูงตั้งแต่ 1500 ถึง 3000 โวลต์ คลื่นไฟฟ้าความถี่สูงผ่านเข้าไปยังบริเวณก้อนผนังของเนื้อร้าย ก่อให้เกิดคลื่นไฟฟ้าขนาดนาโนที่ไม่สามารถไหลย้อนกลับออกไปได้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อก้อนเนื้ออย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
เทคนิคแบบเฉพาะจุด :ปากแผลมีขนาดเพียง 1-2 มม. ตัวยาต้านมะเร็งตรงสู่ก้อนเนื้อมะเร็ง ความเข้มข้นของตัวยาสูงกว่าการให้คีโม 2-8 เท่า ผลข้างเคียงต่ำ ทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ
เทคนิคพุ้งเป้าแบบยีนบำบัด :การขจัดเซลล์มะเร็งจากจุดกำเนิด เป็นการรักษาโรคมะเร็งที่ “ต้นตอ”
เทคนิคแบบบูรณาการแพทย์แผนจีนและตะวันตก
เทคนิคแบบบูรณาการแพทย์แผนจีนและตะวันตก :ช่วยปรับสมดุลในร่างกายและช่วยในการต่อต้านมะเร็ง เพิ่มศักยภาพในการสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย ไม่มีผลข้างเคียงและการบาดเจ็บจากการรักษาต่อร่างกาย จึงถือเป็นข้อดีในการรักษาผู้ป่วยในระยะสุดท้าย มะเร็งตับอ่อนที่ได้รับการรักษาด้วยเทคนิคแบบบูรณาการแพทย์แผนจีนและตะวันตกในระยะแรกและการรวมยาแผนจีนในระยะยาวเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุผลการรักษา
เทคนิคคีโมสีเขียว:เป็นการปรับปรุงวิธีเคมีบำบัดแบบดั้งเดิม โดยมีการขจัดเซลล์มะเร็งอย่างเหมาะสม ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในผลการรักษา ลดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เป็นเครื่องมือสมัยใหม่ที่ถูกคิดค้นขึ้นในการทำลายเซลล์มะเร็ง ถูกเรียกว่า “คีโมสีเขียว”
เทคนิคการรักษามะเร็งตับอ่อนแบบใหม่เพิ่มเติม
หากอยากทราบว่าคุณเหมาะสมกับวิธีการรักษาแบบใด พวกเรายินดีให้ความช่วยเหลือ นัดออนไลน์หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมเพื่อติดต่อเราได้ที่เบอร์: 0610367888 0907099666
ทีมแพทย์ MDT พร้อมให้คำปรึกษากับผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
การดูแลผู้ที่ป่วยมะเร็งตับอ่อนและโภชนาการ
การดูแลผู้ป่วยเมื่อมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารการกินกับโรคมะเร็ง
ติดตามข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้ดีๆจากเราได้ที่
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
*หมายเหตุ : ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
*ประกาศ : การผ่าตัดจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีต่อมะเร็งระยะแรก ที่เป็นมะเร็งชนิดเป็นก้อน (Solid Tumor) แต่อาจจะไม่เหมาะในการใช้กับมะเร็งระยะสุดท้าย สำหรับผู้ป่วยระยะกลาง ไปจนถึงระยะสุดท้ายที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก บูรณาการร่วมกับการคีโมและการฉายแสง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น