จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก 1 ใน 3 ของมะเร็งนั้นสามารถหลีกเลี่ยงก่อนได้และ 1 ใน 3 ของมะเร็งนั้นสามารถได้รับการดูแลทันท่วงทียืดอายุผู้ป่วยและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวบอกว่า “ผู้ป่วยมะเร็งที่พบว่าตัวเองเป็นตั้งแต่เริ่มแรกนั้น จำนวน80% ขึ้นไปของผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ” อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเร็งปอดหลายคนกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นก็อยู่ในระยะที่สามที่สี่แล้ว เพราะว่ามะเร็งปอดในระยะเริ่มแรกนั้นจะไม่มีอาการที่แสดงออกเห็นชัดหรือแทบจะไม่มีอาการแสดงออกเลยก็ว่าได้ อาการเริ่มแรกของมะเร็งปอดคือ อาการไอ มีเสมหะ หรือคนที่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็จะมีอาการเหล่านี้ แต่เมื่อพบอาการเจ็บหน้าอก ไอเป็นเลือด เป็นไข้ไม่ลด อาการเหล่านี้เป็นต้น ผู้ป่วยกว่าครึ่งจะเป็นมะเร็งในระยะสุดท้ายแล้ว และเมื่อถึงมือแพทย์ที่โรงพยาบาลก็จะได้ผลไม่ดีเท่าตอนที่รู้ว่าเป็นในระยะแรกๆ

　　ขณะที่ผู้ป่วยพักอยู่โรงพยาบาล นอกจากแพทย์จะถามประวัติและเช็คอาการเบื้องต้นแล้ว อาจจะต้องดำเนินการตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วย

　　1.การตรวจด้วยเอ็กซเรย์: เมื่อมีอาการไอ เจ็บหน้าอกเป็นเวลานาน สามารถทำการเอ็กซเรย์หรือส่องกล้องดูหลอดลมได้ การเอ็กซเรย์นั้นสามารถทำให้เรารู้ได้ว่าบริเวณปอดมีก้อนเนื้อหรือไม่ รวมถึงขนาดของก้อนเนื้อและตำแหน่งที่อยู่ และยังสามารถเห็นว่าหลอดลมมีการอุดตันที่ทำให้ปอดบวมหรือไม่ รวมถึงการแพร่กระจายบริเวณใกล้เคียงหรือการอักเสบของปอด

　　2.การส่องกล้องหลอดลม ：การส่องกล้องทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุหลอดลมและท่อส่วนต่างๆ

　　3.การตรวจเซลล์ในเสมหะ: การตรวจด้วยวิธีนี้คือวิธีการตรวจและวินิจฉัยมะเร็งปอดที่ง่ายและได้ผลที่ดี ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดส่วนมากสามารถพบเซลล์มะเร็งในเสมหะได้

　　4.การตรวจโดยผ่าตัดทรวงอก: เมื่อตรวจหาก้อนเนื้อบริเวณปอดมาหลายวิธีแล้วยังไม่เห็นผลที่แน่ชัด เราก็ยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ในการเป็นมะเร็งปอดออกไปและควรจะทำการตรวจโดยผ่าตัดทรวงอก เพื่อหลีกเลี่ยงการยืดเวลาของโรคออกไปซึ่งทำให้เสียโอกาสในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มแรกได้

　　5.การตรวจด้วย ECT：การตรวจกระดูกECT สามารถตรวจพบการแพร่กระจายไปยังกระดูกได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

　　6.การส่องกล้องในช่องอก : การส่องกล้องในช่องอก ปกติเป็นการตรวจเมื่อมีการลามไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว หรือกรณีที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดทั่วไปรวมถึงใช้วิธีการอื่นๆ แล้วยังไม่ทราบผลวินิจฉัย

　　ในความจริงแล้ว มะเร็งไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือการละเลย ปล่อยทิ้งไว้หรือการตรวจวินิจฉัยแบบผิดๆ ในช่วงสิบปีมานี้ เนื่องด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคนิคแบบบาดแผลเล็ก ผลลัพธ์ทางการแพทย์ของมะเร็งปอดจึงยกระดับขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการทำความเย็น การทำคีโมเฉพาะจุด การใช้เซลล์ภูมิคุ้มกัน การบูรณาการระหว่างแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบัน เป็นต้น เทคนิคแบบบูรณาการที่รวมตัวกันระหว่าง เทคนิคแบบบาดแผลเล็กที่หลากหลายและกลุ่มผุ้เชี่ยวชาญที่มีความรู้หลายแขนง เป็นการรวมตัวกันเพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ป่วย และทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น