- ข่าวสารโรคมะเร็ง
- ■ มะเร็งช่องคลอด
- ■ อาการของโรคมะเร็งช่องคลอด
- ■ ขั้นตอนทางการแพทย์สำหรับมะเร็งช่องคลอด
มะเร็งช่องคลอดคือเนื้อร้ายที่เกิดตรงบริเวณช่องคลอด หากเป็นมะเร็งที่มีจุดกำเนิดตรงช่องคลอดเลยนั้นจะพบเห็นได้น้อยมาก แต่หากเป็นมะเร็งที่มีการลุกลามจะพบเห็นได้มากกว่า อาจจะลามมาจากมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่และมะเร็งคอริโอ คาร์ซิโนมาร์ นอกจากนี้แล้วยังมีเซลล์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ และลำไส้ตรงที่มักจะลามไปที่ช่องคลอด ดังนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแนะนำว่า ก่อนที่จะวิเคราะห์มะเร็งแบบปฐมภูมิควรที่จะคำนึงและกำจัดความเป็นไปได้ของมะเร็งช่องคลอดแบบทุติยภูมิ (มะเร็งช่องคลอดที่มีจุดต้นกำเนิดมาจากส่วนอื่น) ออกก่อน แล้ววิธีการวินิจฉัยของมะเร็งช่องคลอดนั้นมีอะไรบ้าง
วิธีการวินิจฉัยมะเร็งช่องคลอด
1. การตรวจแบบสูตินรีเวชทั่วไป : หากทำการตรวจแล้วพบว่ามีก้อนเล็กที่ผนังช่องคลอด มีก้อนเนื้อ แผลเน่าเปื่อย หรือความยืดหยุ่นหายไป ควรตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อความแน่ชัด แต่ถ้าความผิดปกติไม่เด่นชัด การตรวจด้วยแปปสเมียร์หรือการส่องกล้องช่องคลอดมีส่วนช่วยในการพบจุดกำเนิดโรค หากพบว่าช่องคลอดมีอาการเลือดออกผิดปกติ สามารถดำเนินการตรวจด้วยวิธีนี้ได้
2. การตรวจด้วยวิธีแปปสเมียร์ : นำเซลล์ในปริมาณเล็กน้อยจากปากมดลูกมาเป็นตัวอย่าง และนำไปวางบนแผ่นแก้ว แล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ นี่เป็นวิธีพื้นฐานในการตรวจทั่วไป ในผู้หญิงหากเราตรวจด้วยวิธีการนี้ตามเวลาที่กำหนดก็จะสามารถป้องกันมะเร็งช่องคลอดได้ เพื่อที่จะรักษาได้ทันเวลาและหลีกเลี่ยงภัยร้ายที่รุนแรงกว่านี้ หากพบว่าช่องคลอดขับของเหลวออกมาผิดปกติสามารถทำการตรวจด้วยวิธีนี้ได้
3. การส่องกล้องช่องคลอด : สามารถตรวจปากมดลูก ส่วนของช่องคลอดได้ทุกส่วน ในบริเวณที่ผิดปกติควรทำการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา จุดกำเนิดของมะเร็งช่องคลอดนั้นมักจะอยู่แค่ชั้นเซลล์ผิวช่องคลอด เมื่อตรวจด้วยวิธีแปปสเมียร์หรือการส่องกล้องถึงจะพบความผิดปกติได้
4. การตรวจทางภาพถ่าย : การตรวจด้วยวิธีอัลตราซาวด์ ซีทีหรือ เอ็มอาร์ไอนั้น มีส่วนช่วยให้รับทราบถึงตำแหน่ง ระยะของก้อนเนื้อ อีกทั้งกำหนดแนวทางการรักษาและประเมินผลการรักษาได้ การตรวจทั้งสามวิธีนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ การตรวจด้วยวิธีนี้มักจะใช้ในการตรวจมะเร็งระยะสุดท้าย เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด หรือการขับถ่ายลำบาก เป็นต้น
5. การตรวจโดยการตัดชิ้นเนื้อหรือการตรวจเซลล์ช่องคลอด : เมื่อที่ผนังช่องคลอดมีเซลล์ที่ผิดปกติ ก็ควรจะทำการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อความแน่ชัด สำหรับผู้ป่วยที่จุดกำเนิดโรคไม่ชัดเจน ควรตรวจเซลล์ในช่องคลอด
6. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ : การตรวจ CEA、CAl25 มีส่วนช่วยในการสังเกตและประเมินผลการรักษา
ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแนะนำว่า ถึงแม้ว่าอัตราการเป็นมะเร็งช่องคลอดจะต่ำ แต่ในกลุ่มผู้สูงอายุจะมีอัตราการเป็นที่สูงกว่า หากพบว่าช่องคลอดมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปโรงพยาบาลดำเนินการตรวจ และหากการวินิจฉัยพบว่าเป็นมะเร็งช่องคลอด ควรจะรีบทำการรักษาเพื่อไม่ให้เสียช่วงเวลาการรักษาที่ดีไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้ดีๆจากเราได้ที่
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
*หมายเหตุ : ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
*ประกาศ : การผ่าตัดจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีต่อมะเร็งระยะแรก ที่เป็นมะเร็งชนิดเป็นก้อน (Solid Tumor) แต่อาจจะไม่เหมาะในการใช้กับมะเร็งระยะสุดท้าย สำหรับผู้ป่วยระยะกลาง ไปจนถึงระยะสุดท้ายที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก บูรณาการร่วมกับการคีโมและการฉายแสง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น